(ภาพจาก http://imgur.com/a/TeY9x) “กาลครั้งหนึ่ง มีหมาจิ้งจอกและแมว ซึ่งสัตว์ทั้งสองกลัวหมาล่าเนื้อมาก … หมาจิ้งจอกรู้จักวิธีเอาตัวรอดเป็นร้อยๆ วิธี ส่วนเจ้าแมวรู้อยู่วิธีเดียว วันหนึ่งหมาล่าเนื้อผ่านมา เจ้าแมวกระโดดหนีขึ้นต้นไม้ทันที ซึ่งเป็นทางรอดทางเดียวที่มันรู้จัก ส่วนเจ้าหมาจิ้กจอก สาละวนกับการเลือกวิธีหนีที่มันรู้จักมากมาย จนสุดท้ายมัวแต่คิด จึงถูกหมาล่าเนื้อตะครุบเอาไว้ได้” “นิทานอีสป” เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ต่อให้มีวิธีแก้ปัญหาที่ดีๆ เพียงวิธีเดียว แต่เราใช้ได้จริง ก็ยังดีกว่าการรู้วิธีแก้ปัญหามากมาย แต่เวลาจำเป็นกลับเอามาใช้ไม่ถูก ที่เอานิทานอีสปเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง ก็เพราะผ่านไปเจอศัพท์คำหนึ่งใน wikipedia ก็คือคำว่า “Analysis Paralysis” หรือแปลเป็นไทยง่ายๆ ว่า “วิเคราะห์จนเป็นอัมพาต” (ที่มา: en.wikipedia.org/wiki/Analysis_paralysis) ซึ่งเจ้านิทานนี้ก็แทรกเป็นตัวอย่างอยู่ในเนื้อหาเรื่องนี้นี่เอง ใจความเรื่อง Analysis Paralysis ใน Wikipedia นี้ เค้าอธิบายว่า … มีคนจำนวนมากที่เป็นพวกช่างคิด คิดละเอียดยิบทุกขั้นตอน รู้จักเทคนิกกลเม็ดซับซ้อนมากมาย แต่สุดท้ายไม่รู้จะเลือกอะไรมาทำให้เกิดเป็นผลจริงๆ ขึ้นมา เพราะการคิดวิเคราะห์ซับซ้อนเกินไป […]
ก่อนที่จะไปสู่ภาควิเคราะห์ว่าทำไมราคาน้ำมันต้องดิ่วเหว ชวนมาทำความเข้าใจเรื่องราวพื้นฐานของน้ำมันกันเล็กน้อยครับ 1. ประเภทน้ำมัน น้ำมันที่ใช้เป็นแหล่งพลังงานในโลกเรานั้น มีอยู่ 2 ประเภทหลัก ๆ คือ (1) น้ำมันดิบเหลว หรือ Crude Oil และ (2) น้ำมันดิบจากหิน หรือ Shale Oil (1) Crude Oil นั้นมีลักษณะเป็นของเหลวข้น สีดำ เกิดจากการทับถมของซากพืชซากสัตว์เป็นเวลาหลายล้านปี จนได้สารประกอบไฮโดรคาร์บอนที่นำมาเผาไหม้ให้พลังงานความร้อนได้ โดยประเทศที่มี Crude Oil อยู่เป็นจำนวนมาก ก็คือประเทศในแถบตะวันออกกลาง เช่นซาอุดิอาราเบีย และประเทศในทวีปอเมริกาใต้บางประเทศเช่นเวเนเซูเอลา (ที่มา: wikipedia) และประเทศที่มีปริมาณ Crude Oil สำรองอยู่มาก
ปี 2557 ผ่านไป ปี 2558 ผ่านเข้ามา มาดูกันว่า การลงทุนในหลักทรัพย์ต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ตลอดปี 2557 เป็นอย่างไรบ้าง ① ดัชนีหุ้นไทย (ข้อมูลจาก Aspen for Windows) เมื่อพิจารณาจากดัชนีผลตอบแทนรวมหรือ Total Return Index (TRI) ของหุ้นกลุ่มต่าง ๆ ซึ่งสะท้อนทั้งผลจากราคาหุ้น การจ่ายปันผล และการได้รับสิทธิต่าง ๆ เช่น หุ้นปันผล ใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrants) ไว้หมดแล้ว พบว่า
(ที่มา: www.bot.or.th) เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ที่ผ่านมา แบงก์ชาติแถลงรายงานนโยบายการเงินของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ฉบับส่งท้ายปี 2557 โดยมีมุมมองต่อเศรษฐกิจปีนี้และปีหน้า 2558 สรุปได้ดังนี้
คม-ชัด-ลึก วันพุธที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2549 (สำเนาข่าวจาก www.ats.or.th) ” … มาตรการแบงก์ชาติป่วนตลาดหุ้น ต่างชาติเทกระจาดดัชนีรูด 108 จุด มูลค่าตลาดหาย 8 แสนล้าน ด้านตลาดหุ้น-ก.ล.ต.วอนทบทวน “หม่อมอุ๋ย” ยันจำเป็นต้องทำ รับผลกระทบรุนแรงเกินคาด ยอมผ่อนคลายให้เงินลงทุนตรงและลงทุนในหุ้นไม่ต้องสำรอง 30% ด้านโบรกเกอร์ชี้มาตรการแรงเกินไป ปรับมุมมองเป็นลบต่อหุ้นไทย มาตรการสกัดเก็งกำไรเงินบาทของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่กำหนดให้สถาบันการเงินที่รับซื้อหรือแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ต้องกันเงินสำรองเป็นเงินตราต่างประเทศไว้จำนวนร้อยละ 30 ของเงินตราต่างประเทศดังกล่าว ส่วนที่เหลือร้อยละ 70 ให้รับซื้อหรือแลกเปลี่ยนเป็นเงินบาทให้แก่ลูกค้า ได้ส่งผลกระทบต่อการซื้อขายหุ้นไทยเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม อย่างหนัก ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ปรับลดลงทันทีที่ตลาดเปิดซื้อขาย จากนั้นมีแรงเทขายจากนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อเวลา 11.29 น.ดัชนีปรับลดลงเกินกว่า 10% ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ต้องหยุดซื้อขายชั่วคราวเป็นเวลา 30 นาที ตามระบบเซอร์กิตเบรกเกอร์ และเปิดทำการซื้อขายรอบใหม่อีกครั้งเวลา […]
(ข้อมูลจาก bloomberg.com) เมื่อคืนวันศุกร์ ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลงแรงพร้อม ๆ กัน … สำนักข่าว CNBC ได้ไปสัมภาษณ์ Hugh Johnson, ประธาน Hugh Johnson Advisors ถึงเหตุผล ซึ่ง Johnson ให้มุมมองไว้ว่า
1. คนทั่วไปเน้นการออม คนรวยเน้นสร้างรายได้ — ในปี 2012 คนอเมริกันโดยเฉลี่ยมีรายได้ปีละ $38,000 ถ้าออมได้ 10% สิ้นปีเราก็จะมีเงินเหลือ $3,800 แต่เราจะไม่รวยขึ้นจริง ๆ จัง ๆ ขึ้นมาจากการทำแบบนั้น แต่เราต้องหารายได้ให้มากขึ้น … ความจริงแล้วคนรวยก็ออม แต่เขาเน้นที่การสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นก่อน ซึ่งสัดส่วนของเงินออมจะสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะถ้าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเป็นสัดส่วนที่น้อยลง 2. คนทั่วไปมองการเริ่มธุรกิจส่วนตัวว่าเป็นความเสี่ยง แต่คนรวย (และคนที่มีโอกาสรวย) จะมองเป็นเส้นทางสู่ฐานะที่มั่งคั่ง – คนทั่วไปมองเงินด้วยสมการเส้นตรง เช่น ถ้าทำงานได้ชั่วโมงละ $X ถ้ายอมทำงานเยอะขึ้น ก็จะได้เงินมากขึ้น แม้แต่ผู้ที่มีการศึกษาดี ก็คิดว่าการเรียน MBA จะช่วยให้ได้เงินมากขึ้น (ซึ่งก็จริง แต่ก็เป็นการมองแบบเส้นตรงเช่นกัน คือให้เวลากับการเรียน เพื่อสุดท้ายจะเอาวุฒิไปต่อรองรายได้ให้มากขึ้น) … ส่วนคนรวย