อัพเดท: แบงก์ชาติคงดอกเบี้ยนโยบาย 1.50% !!
บ่ายวันนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงินของแบงก์ชาติ ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่เดิมคือ 1.50% ต่อปี เหตุผลโดยสรุปก็คือ
มุมมอง ความรู้ ด้านการเงินการลงทุน
บ่ายวันนี้ คณะกรรมการนโยบายการเงินของแบงก์ชาติ ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่เดิมคือ 1.50% ต่อปี เหตุผลโดยสรุปก็คือ
นักลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีชอบความหลากหลาย บ้างก็ชอบหุ้นเล็ก บ้างก็ชอบหุ้นใหญ่ บ้างก็ชอบหุ้นปันผล ใครจะชอบอะไรก็ว่ากันไปตามจริต แต่ถ้าถามว่า แล้วหุ้นกลุ่มไหนกันแน่ที่ให้ผลตอบแทนดีสุดในระยะยาว(ที่ผ่านมา) ? เราสามารถใช้ดัชนีผลตอบแทนรวมหรือ Total Return Index (TRI) ช่วยชี้ได้ ซึ่ง TRI ก็มีหลักการคำนวณไม่ต่างจากดัชนี (Index) ปกติทั่วไป แต่จะรวมเอาผลตอบแทนทุกชนิดไว้ด้วยกัน (ถึงได้ชื่อว่า Total Return) ซึ่งประกอบด้วย (1) ผลตอบแทนจากราคาที่เปลี่ยนแปลงไป หรือ Capital Gain (Loss) return (2) ผลตอบแทนจากเงินปันผล หรือ dividend return และ (3) ผลตอบแทนจากการได้รับสิทธิต่าง ๆ หรือ right return เช่น การได้รับสิทธิจองซื้อหุ้น (Warrants) … จึงถือได้ว่า TRI เป็นตัวชี้วัดที่ครบถ้วนและเป็นกลางที่สุดในการเปรียบเทียบและประเมินผลตอบแทน ต่างจากดัชนีปกติที่วัดจาก […]
ถ้าจะพูดถึงจุดสูงสุดของตลาดหุ้นไทยในยุคนี้ ก็ต้องว่ากันที่ปลายปี 2557 ถึงต้นปี 2558 ที่ SET Index พรุ่งขึ้นแตะระดับ 1,600 จุดถึง 3 ครั้ง ก่อนที่ร่วงยาวมาหยุดที่ระดับ 1,250 จุดในปลายปี 2558 และล่าสุดค่อยเด้งกลับขึ้นมาที่ระดับเกือบ 1,400 เมื่อเร็ว ๆ นี้ (มี.ค.59) และเมื่อตลาดพุ่งแรงในช่วงปี 2557-2558 ก็เป็นเรื่องธรรมดาที่หุ้นหลายตัวจะร้อนแรงตามไปด้วย แต่เมื่อวงแตก ตลาดร่วงยาวหลายร้อยจุดตลอดปี 2558 หุ้นที่องค์เคยลงก็เป็นธรรมดาที่จะพากันดิ่งเหว .. มีหุ้นไหนบ้างที่เคยพานักลงทุนเที่ยวรถไฟเหาะ ? และตอนนี้หน้าตาเป็นยังไงกันบ้าง ? ติดตามชมกันได้เลย
แม้ภาวะการลงทุนในหุ้นในช่วงปีนี้จะปรับตัวดีขึ้นจากปลายปีที่ผ่านมา แต่ถ้ามองกันในระยะยาวหลายปี ตอนนี้ก็ยังไม่ได้กลับขึ้นไปถึงระดับสูงสุดของช่วงปี 2014-2015 ก็คือยังขาดทุนอยู่ ครั้นจะหันไปมองทองคำ ซึ่งเป็นการลงทุนยอดนิยมอีกประเภทหนึ่งของคนไทย ก็เช่นกัน คือแม้ปีนี้ทองคำจะบวกค่อนข้างสวย แต่ก็ถือว่าผันผวน และหากมองย้อนกลับ ก็ยังไม่ได้กลับขึ้นไปที่ระดับเดิมช่วงปลายปี 2015 ด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงระดับสูงลิ่วเมื่อต้นปีก่อน กลายเป็นว่า หุ้นและทองคำซึ่งเป็นที่นิยม แม้จะฟื้น แต่ก็มีความผันผวน ซึ่งความผันผวนก็มาจากปัจจัยต่าง ๆ ที่มากระทบ และมักจะเป็นปัจจัยภายนอกที่คาดเดายากส์ แถมใครที่ลงทุนยาวมาแต่เดิม ก็ยังขาดทุนตกค้างอยู่ไม่น้อย การลงทุนที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างแน่นอน มีโอกาสได้กำไรจากราคาสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้น จึงหนีไม่พ้นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม
ศาสตราจารย์ไมเคิล อี. พอร์เตอร์ (Michael E. Porter) นักกลยุทธ์ระดับโลกจาก Harvard University ได้คิดค้นแบบจำลอง Five-Force Model อันโด่งดัง ซึ่งใช้วิเคราะห์ระดับการแข่งขันในอุตสาหกรรมและแนวทางการพัฒนากลยุทธ์ทางธุรกิจ Five-Force Model เสนอว่า 5 ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อระดับการแข่งขันในอุตสาหกรรมหนึ่ง ๆ นั้นประกอบด้วย ระดับความยากที่จะมีผู้ประกอบการรายใหม่เข้ามาแข่ง ระดับความเสี่ยงที่จะมีสินค้าหรือบริการอย่างอื่นเข้ามาทดแทน ระดับวามสามารถในการต่อรองของซัพพลายเออร์ (คนที่เราต้องไปซื้อสินค้า/วัตถุดิบ เอามาทำต่อ) ระดับความรุนแรงในการแข่งขันในปัจจุบัน และ ระดับความสามารถในการต่อรองของลูกค้า ซึ่งมีธุรกิจอยู่ประเภทหนึ่งที่มีความแข็งแกร่งสูงมากเมื่อวิเคราะห์กันตาม Five-Force Model ดังกล่าว นั่นก็คือ ธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน หรือ Infrastructure Business Infrastructure Business เป็นธุรกิจที่มีความจำเป็นในการพัฒนาประเทศ เพื่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชากร ตัวอย่าง Infrastructure ก็เช่น ท่อส่งน้ำมันและก๊าชธรรมชาติ ท่าอากาศยาน ทางด่วน ทางรถไฟ ท่าเรือ ระบบไฟฟ้าประปา […]
ช่วงนี้ SET Index วิ่งแรง แนวโน้มเป็นขาขึ้นทั้งระยะสั้นและระยะกลาง แต่ก็ยังเห็นฝรั่งได้กำไรมากกว่ารายย่อยไทย เพราะเขาซื้อตอนขาขึ้น ส่วนรายย่อยไทยเรามักจะขายออกมาแทน ไม่ถือทำกำไร จึงขอนำเนื้อหาจาก ‘โพสท์ใน TIF page เมื่อ 3 ปีที่แล้ว’ มาย้ำกันอีกครั้ง ————— ดัชนีวิ่งแรง เลยลองหาความสัมพันธ์ระหว่าง SET Index กับปริมาณการซื้อขายสุทธิของ ฝรั่ง และ ย่อยไทย ตั้งแต่ต้นวิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ จนถึงปัจจุบัน (ณ ปี 2012) . ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ข้อเท็จจริงตามกราฟชี้ว่า ยอดซื้อขายสุทธิของฝรั่ง เป็นสิ่งที่กำหนดทิศทางตลาด ทั้งขึ้นและลง ยิ่งซื้อขายสุทธิมากเท่าไร ทิศทางของตลาดยิ่งแรงตามกัน
Q: “ราคาหุ้นมีแนวโน้มหรือเปล่า? และถ้ามี เราจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนนี้แนวโน้มเป็นอย่างไร?” A: ราคาหุ้นมีแนวโน้มครับ ไม่ต่างจากตัวเลข Time series อื่น ๆ ในโลก เช่น ยอดขายแต่ละปี จำนวนประชากร จำนวนผู้ใช้บริการ … ซึ่งแนวโน้มแบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก คือ (1) แนวโน้มขาขึ้น (2) แนวโน้มขาลง และ (3) แนวโน้มสับขาหลอก (Sideway หรือบางท่านเรียก ไม่มีแนวโน้ม หรือ รอเลือกทาง) • การดูแนวโน้มแบบง่ายๆ ก็ให้ดูที่ “ทิศทาง” (หรืออาจเรียกว่า ความชัน) ของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของราคา (Moving Average Line of Price) ซึ่งเป็นหลักการดูแนวโน้มของข้อมูลที่ “ใช้กันแพร่หลาย” […]