TIF | Thailand Investment Forum

ลงทุนคอนโดยังไงให้แตกต่าง กับ “28 Chidlom” Luxury condominium บนทำเลที่แพงที่สุดในประเทศ จาก SC Asset

เทรนด์การลงทุนในคอนโดมิเนียม ถือเป็นเทรนด์ที่ได้รับการพูดถึงอย่างต่อเนื่อง เพราะ นอกจากการให้ประโยชน์และความสะดวกสบายในด้านการอยู่อาศัยจริงแล้ว คอนโดมิเนียมเองก็ให้ผลตอบแทนดี ทั้งจากกำไรส่วนต่างราคา (Capital Gain) ซึ่งราคาก็มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และจากค่าเช่า (Rental Yield) ซึ่งเป็น Passive Income ที่มีความเสี่ยงต่ำ ทำให้มีคนให้ความสนใจและมีความต้องการซื้อ (Demand) เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ  โดยธนาคารแห่งประเทศไทยได้เปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาคอนโดมีเนียมไว้ว่า ในภาพรวมทั้งประเทศมีราคาเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4.50% ต่อปี ในช่วง 5 ปีล่าสุด (ณ สิงหาคม 2562)

ตลาดคอนโดมิเนียมของไทยในปัจจุบัน แต่ละปีมีการปล่อยโครงการใหม่ออกมามากมายจนแทบจะล้นตลาด ทำให้การลงทุนในคอนโดมิเนียมแม้จะให้ผลตอบแทนดี แต่เมื่อดูปริมาณอุปทาน (Supply) และปริมาณอุปสงค์ (Demand) โดยสองสิ่งนี้จะเป็นตัวกำหนดราคาของคอนโดมีเนียมในตลาด ซึ่งจะนำไปสู่ผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุน การที่แต่ละปีมีโครงการใหม่ออกมามาก ทำให้ปริมาณ Supply สะสมในตลาดเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งหาก Demand ที่เกิดขึ้นเป็น Demand เทียม คนหันมาซื้อ เพราะคิดว่าสามารถเก็งกำไรได้เรื่อย ๆ หรือ Demand จริง โตไม่ทันปริมาณ Supply ทีเพิ่มขึ้น สุดท้ายแล้ว จะทำให้เกิดปัญหาต่อตลาดคอนโดมิเนียมในระยะยาวได้ ผลคือ ความต้องการซื้อลดลง ในขณะที่ปริมาณคอนโดมีมาก ทำให้ราคาคอนโดมิเนียมในตลาดลดลงและผลตอบแทนก็จะลดลงไปด้วย

และหากมองภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมในปัจจุบัน ผ่านโครงสร้างตลาดในทางเศรษฐศาสตร์ จะพบว่ามีลักษณะใกล้เคียงกับตลาดกึ่งแข่งขันกึ่งผูกขาด โดยมีลักษณะคือ

  1. มีผู้ผลิตและผู้ขายจำนวนมาก มีหลากหลายโครงการให้เลือกซื้อ
  2. สินค้ามีลักษณะแตกต่างกัน ทั้งในกายภาพ คุณภาพ หรือความแตกต่างกันในความรู้สึกของซื้อ เช่น ทำเล Facility ของโครงการ ลักษณะห้อง หรือการออกแบบต่าง ๆ
  3. อุปสรรคการเข้าสู้ตลาดค่อนข้างต่ำ ผู้ที่ต้องการลงทุนในคอนโดมิเนียมก็สามารถเข้าสู่ตลาดได้ไม่ยาก ด้วยเงินดาวน์และการกู้ผ่านธนาคาร ทำให้ผู้ลงทุนที่อยู่ในตลาดต้องเผชิญการแข่งขัน ทั้งจากผู้ที่อยู่ในตลาดแล้ว หรือผู้ที่เข้ามาในตลาดใหม่

ดังนั้น Demand ที่ผู้ลงทุนในคอนโดมิเนียมต้องเผชิญจึงเป็นไปตาม Law of Demand (ราคาเพิ่มขึ้น ปริมาณซื้อลดลง) และเนื่องด้วยสินค้ามีลักษณะแตกต่างกัน ทำให้ความยืดหยุ่นของอุปสงค์ต่อราคาที่ผู้ลงทุนต้องเผชิญจะค่อนข้างสูง (ราคาแพง ผู้ซื้อก็จะไปเลือกซื้อที่อื่นได้) นั่นหมายความว่า หากคอนโดมิเนียมมีลักษณะใกล้เคียงกัน แต่มีราคาที่สูงกว่า ผู้ซื้อก็จะเลือกที่อื่นที่ราคาถูกกว่า ทำให้จะขายก็ยาก จะปล่อยเช่าก็ลำบาก หรือหากจะให้ขายได้ก็ต้องลดราคาลงมา ผู้ลงทุนจึงอาจขาดทุนและได้รับผลตอบแทนไม่คุ้มค่า

ด้วยเหตุนี้ สิ่งที่จะทำให้การลงทุนในคอนโดมิเนียมของคุณเหนือกว่าคนอื่นในตลาดและปลอดภัยในระยะยาว คือ ความสามารถในการแข่งขันด้านที่ไม่ใช่ราคา คอนโดมิเนียมที่คุณเลือกควรมีลักษณะที่โดดเด่นและแตกต่าง ซึ่งกลุ่มคอนโดมิเนียมแบบ Luxury เป็นกลุ่มที่น่าสนใจมาก ๆ จากการเติบโตของนักลงทุนที่มีกำลังซื้อ และ Supply ที่ยังมีจำนวนน้อย เมื่อ Supply น้อยกว่าความต้องการซื้อที่เพิ่มขึ้น ผนวกกับสไตล์ที่โดดเด่นและลักษณะที่ไม่เหมือนใครของคอนโดมิเนียมแบบ Luxury ทำให้ในระยะยาวตลาดกลุ่มนี้มีศักยภาพในการเติบโตสูง

ล่าสุด โครงการ 28 Chidlom หนึ่งใน “Limited Luxury Collection” ของ SC ASSET จะแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่เดือนกันยายนนี้ ซึ่งเป็น Luxury condominium ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง บนถนนชิดลมซึ่งถือว่าเป็นที่ดินที่แพงที่สุดในประเทศไทย

หนึ่งในทำเลที่มีมูลค่ามากที่สุดในประเทศ

ในอดีตพื้นที่บริเวณนี้เป็นที่ดินของเจ้าขุนมูลนายในสมัยก่อน ทำให้มีที่ดินแปลงใหญ่หลายแปลง เมื่อหมดยุคนั้นเริ่มมีการขายที่ดิน ด้วยความเป็นที่ดินแปลงใหญ่ ติดถนนหลักเหมาะกับการใช้ประโยชน์ให้เป็นแหล่งรวมความทันสมัยอย่างศูนย์การค้า และโรงแรม ทำให้ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาบริษัทใหญ่ ๆ เข้ามาแย่งกันซื้อที่ดินในทำเลนี้ จนแทบจะไม่เหลือที่ดินเปล่าให้พัฒนาโครงการได้แล้ว ด้วยเหตุนี้ ราคาที่ดินในทำเลนี้จึงแพงขึ้นมหาศาล โดยเมื่อปี 2549 สถานทูตอังกฤษ ได้ขายพื้นที่ส่วนหนึ่ง ให้กลุ่มเซ็นทรัลเพื่อสร้าง “เซ็นทรัล เอ็มบาสซี่” ในราคา 900,000 – 950,000 บาทต่อตารางวา ผ่านมา 10 กว่าปี ในปี 2561 กลุ่มเซ็นทรัลได้ซื้อที่ดินสถานทูตอังกฤษเพิ่มอีก ซึ่งครั้งนี้ราคาได้เพิ่มขึ้นถึงเกือบ ๆ 2,000,000 บาทต่อตารางวา (เพิ่มขึ้นประมาณ 110% ภายในระยะเวลาเพียง 12 ปี)

ตั้งอยู่บนไลฟ์สไตล์ของชิดลม

ความเป็นถนนชิดลมก็คือ จะมีทุกอย่างสำหรับไลฟ์สไตล์คนใช้ชีวิตในเมือง โรงเรียน โรงพยาบาล โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารชื่อดัง ออฟฟิศสำนักงาน ทุกสิ่งจะเชื่อมโยงกันหมด โดย 28 Chidlom อยู่ห่างจาก BTS ชิดลมเพียง 250 เมตร ซึ่งเป็นระยะทางที่เดินได้ และยังเชื่อมต่อกับแหล่งอำนวยความสะดวกชั้นนำต่าง ๆ ระดับ World Class lifestyle ที่หาไม่ได้ในย่านอื่น ๆ รวมถึงมีห้าง Premium อย่าง Central Chidlom, Central Embassy, Gaysorn village, Siam Paragon แม้แต่สำนักงานก็มีแต่บริษัท Inter อย่าง Google และนั่งบีทีเอสไปนิดเดียวก็จะถึงโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์

สองตึก สองสไตล์

28 Chidlom จะมี 2 ตึกคือ The Villa และ The Tower แต่ละตึกก็จะมี Facilities เป็นของตัวเอง โดยระหว่าง 2 ตึก จะมีสวนสีเขียว ซึ่งจะให้ความรู้สึกใกล้ชิดธรรมชาติ เพราะเป็น Sunken court คนละระดับกับ จุด Drop off

The Villa มีทั้งหมด 20 ชั้น 182 ยูนิต โดยจะมีการออกแบบให้มีดีไซน์เหมือนราวระเบียงไม้  เพื่อให้ดูมีความเป็นธรรมชาติ ด้าน Facilities ก็มีสระว่ายน้ำ และฟิตเนส รวมทั้งยังมีเลานจ์สำหรับนั่งอ่านหนังสือเพลิน ๆ ล็อบบี้ที่มีเอาท์ดอร์เห็นพื้นที่สีเขียว

The Tower มีทั้งหมด 47 ชั้น 243 ยูนิต โดยจะมีฟิตเนส ห้องสำหรับโยคะ สระสปาน้ำอุ่น และห้องซาวสตีมซาวน่า

ที่จอดรถสำหรับตึก The Villa จะเป็น Conventional parking lot ส่วนตึก The Tower จะเป็น Auto parking

เพราะอะไร 28 CHIDLOM จึงแตกต่าง

ท่านใดที่สนใจศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม สามารถคลิกไปได้ที่ bit.ly/A6ChooseChidlom 

ตอนนี้โครงการสร้างแล้วเสร็จ พร้อมเข้าอยู่ และจะมี Grand opening Event วันที่ 7-8 กันยายน 2019 ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 12.5 ล้านบาท #CHOOSECHIDLOM

[Special Content]

Exit mobile version